วันพุธที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2562

คำพยากรณ์ทั้ง 12 ราศี ประจำเดือน เมษายน 2562



          ๑.ราศีเมษ สำหรับท่านที่เกิดในราศีเมษ เดือนเมษายนนี้ เป็นเดือนที่ท่านจะมีรายจ่ายมากกว่ารายรับ ท่านต้องระวังและคิดให้รอบครอบในด้านการเงิน การเล่นหุ้นส่วนต่าง ๆ ให้ระวังเรื่องการขาดทุน การกู้หนี้ยืมสิน การจำนำการจำนอง การขายฝากต่างๆ ต้องตรวจสอบให้ดี ในเดือนนี้ห้ามเล่นการพนันต่างๆ จะเสียมากกว่าได้ ควรวางแผนการเงินอย่างรอบคอบ และสวดบูชาพระพิฆเนศจะผ่อนหนักเป็นเบาได้

๒.ราศีพฤษภ สำหรับท่านที่เกิดในราศีพฤษภ เดือนเมษายนนี้ เป็นเดือนที่ดีที่ท่านจะลงทุนต่าง ๆ และสามารถทำรายได้ให้ท่านอย่างดี ปืญหาต่าง ๆ จะถูกแก้ไขและคลีคลายไปในทางที่ดีขึ้นครับ และจะได้รับการอุปถัมภ์ช่วยเหลือจากผู้หลักผู้ใหญ่ การเจรจาตกลงเรื่องผลประโยชน์ต่าง ๆ ควรสรุปในคราวเดียวไม่ควรปล่อยข้ามวัน เป็นช่วงที่ต้องทำอะไรรวดเร็วช่วงชิงจะประสบผลสำเร็จดีครับ

๓.ราศีเมถุน สำหรับท่านที่เกิดในราศีเมถุน ในเดือนนี้ท่านจะมีรายได้ต่าง ๆ เข้ามา การติดต่อเจรจาให้รีบทำในช่วงครึ่งเดือนแรกให้สำเร็จ ปลายเดือนจะเป็นช่วงอุปสรรคของการเจรจา ระวังเรื่องความเจ็บป่วยของบุตลบริวานรวมถึงญาติผู้ใหญ่ครับ

๔.ราศีกรกฎ สำหรับท่านที่เกิดในราศีกรกฎ ในครึ่งเดือนหลังท่านจะมีรายรับที่ดีขึ้น เรื่องสุขภาพยังต้องระวังครับ กิจการงานต่าง ๆ ยังคงมีปัญหาต้องค่อย ๆ คิดแก้ไข ผู้บังคับบัญชานายจ้าง ยังไม่เกื้อหนุนเท่าที่ควรครับ

๕.ราศีสิงห์ สำหรับท่านที่เกิดในราศีสิงห์ สำหรับชาวราศีสิงห์ เป็นช่วงที่มีปัญหารุมเร้าต่าง ๆ ทั้งด้านการเงิน ครอบครัวความรัก และสุขภาพ ในเดือนนี้ต้องมีสติและใจเย็นให้มาก ๆ ครับ

๖.ราศีกันย์ สำหรับท่านที่เกิดในราศีกันย์  สำหรับชาวราศีกันย์ ในช่วงเดือนนี้ให้ระวังเรื่องคำพูดและปากเสียงกับคนในครอบครัวและเพื่อนร่วมงานครับ การใช้จ่ายเงินทองต้องระวังทรัพย์สินต่าง ๆ สูญหาย ในช่วงนี้งดเดินทางไปที่ต่าง ๆ นะครับ

๗.ราศีตุลย์ สำหรับท่านที่เกิดในราศีตุลย์ ในเดือนนี้ให้ท่านระวังเรื่องการเจ็บป่วยการผ่าตัด ให้ระวังเรื่องอุบัติเหตุต่างๆ ญาติผู้ใหญ่ต้องดูให้ดีระวังเจ็บป่วยครับ งดเจรจาทำสัญญาข้อตกลงต่างๆ  ในช่วงเดือนนี้ครับ

๘.ราศีพิจิก สำหรับท่านที่เกิดในราศีพิจิก ในเดือนนี้ให้ท่านคอยระวังตักเตือนบุตรหลานของท่านจะทำให้ท่านเสียทรัพย์แบบไม่มีเหตุผลครับ เป็นเดือนที่จะต้องยุ่งยากลำบากใจกับคนในครอบครัว จึงเป็นเดือนที่จะต้องใช้ความอดทนอดกลั้นเป็นพิเศษครับและสุขภาพของท่านเองก็ไม่ดีครับ

๙.ราศีธนู สำหรับท่านที่เกิดในราศีธนู เป็นเดือนที่ดี ที่ท่านจะประสบความสำเร็จในด้านต่าง ๆ ผู้หลักผู้ใหญ่ให้การสนับสนุนดี มีโชคลาภในด้านการเงินที่ดีขึ้นแต่ก็ยังมีรายจายที่มากด้วยเช่นกัน ให้ระวังบุตลบริวานจะนำความเดือดร้อนมาให้ครับ

๑๐.ราศีมังกร สำหรับท่านที่เกิดในราศีมังกร เดือนนี้ถือเป็นเดือนที่ดีสำหรับท่านในด้านการเงินจะมีความคล่องตัวมากขึ้น และสามารถปลดหนี้สิ้นต่าง ๆ ได้ให้ท่านเตรียมช่องทางไว้ให้ดี ๆ ครับ แต่อุบัติเหตุเพศภัยยังคงมีครับ และควรงดเว้นการท่องเที่ยวทางน้ำและทางทะเลจะไม่ปลอดภัยครับ

๑๑.ราศีกุมภ์ สำหรับท่านที่เกิดในราศีกุมภ์ เดือนนี้ถือเป็นเดือนที่ชาวราศีกุมภ์ จะมีการงานการเงินคล่องตัวมากขึ้น การตกลงเจรจาต้องมีผู้ใหญ่ค่อยสนับสนุนช่วยเจรจาจะประสบผลสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว งดเดินทางไกลให้ระวังเรื่องอุบัติเหตุด้วยครับ

๑๒.ราศีมีน สำหรับท่านที่เกิดในราศีมีน ในเดือนนี้ท่านต้องระวังเป็นพิเศษในเรื่องอุบัติเหตุทั้งปวงอยู่ในเกณฑ์รุนแรง ควรงดเว้นจากการเดินทางไกล ผู้หลังผู้ใหญ่ยังคงให้การอุปถัมภ์ช่วยเหลือ มีโชคลาภเข้ามาครับ แต่ก็ยังคงมีรายจ่ายอยู่ครับ

พยากรณ์โดย โดย คณปติ ศักติศิวา (อาจารย์ปืน)
ประธานก่อตั้ง วัดพระศรีมหาอาทิปราศักติภควตีเทวี (วัดแขกมวกเหล็ก)

วันศุกร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

ประวัติความเป็นมาของพระพิฆเนศ



ศาสนาพราหมณ์เกิดในประเทศอินเดียประมาณกว่า 1,000 ปีก่อนพุทธศาสนา ทั้งยังมีบันทึกว่าพระพุทธเจ้าครั้งยังเป็นพระโพธิสัตว์ก็ได้เรียนรู้คำสอนของศาสนาพราหมณ์จากอาจารย์อาฬาระดาบสและอุททกะดาบสจนจบไตรเพท ศาสนาพุทธจึงมีความผูกพันธ์กับศาสนาพราหมณ์อย่างลึกซึ่งแต่กาลก่อนมา

     มีความเชื่อว่าในจักรวาลนี้ ถูกปกครองด้วยเทพเจ้าตรีมูรติอันเป็นเทพเจ้าสูงสุด ซึ่งพระองค์ก็ได้แบ่งภาคเป็นมหาเทพ 3 องค์ เพื่อทำหน้าที่ต่างกันสามประการ คือ

    พระพรหม:  เป็นผู้สร้างโลกและจักรวาล รวมทั้งให้กำเนิดสรรพชีวิตต่างๆ
    
    พระวิษณุ (พระนารายณ์): เป็นผู้คอยปกป้องดูแลและรักษาโลก
    
    พระศิวะ (พระอิศวร): เป็นเทพแห่งการทำลายล้าง จะให้พรแก่ผู้ทำดี แต่ก็ให้ความวิบัติแก่ผู้ประพฤติชั่วเช่นกัน


พระศิวะทรงมีพระมเหสีนามว่าพระแม่อุมาเทวี (หรือ พระนางปราวดี)  ทั้งสองพระองค์ทรงสถิตอยู่ในวิมานใหญ่บนเขาไกรลาศ

     กระทั่งวันหนึ่ง พระศิวะต้องออกเดินทางไปบำเพ็ญสมาธิเป็นระยะเวลานาน พระแม่อุมาเทวีเลยเกิดความเหงาเนื่องจากต้องอยู่เพียงลำพัง เลยคิดอยากจะมีพระโอรสสักคนไว้เป็นเพื่อนและคอยดูแลพระนางยามที่พระศิวะไม่อยู่

     จึงปั้นดินเหนียวขึ้นเป็นรูปคน แล้วใช้พระเวทเสกให้กลายเป็นเด็กหนุ่มรูปงาม แล้วทรง ประทานพระนามให้ว่า “พระพิฆเนศ” และทรงมอบหน้าที่สำคัญให้เป็นผู้ดูแลประตูทางเข้าพระตำหนัก ป้องกันไม่ให้คนภายนอกไปรบกวนพระนาง

     พระพิฆเนศ ทรง ได้รับการดูแลและสอนสั่งจากพระแม่อุมาเทวีอย่างใกล้ชิด จึงมีความเฉลียวฉลาด รอบรู้ในทุกด้าน รวมทั้งมีความองอาจ กล้าหาญ และมีอิทธิฤทธิ์มากจนจะหาเทพใดเสมอเหมือนได้ในสามโลก มีความอ่อนน้อมและกตัญญูต่อองค์พระมารดา พระองค์จึงเป็นที่รักยิ่งของพระแม่อุมาเทวี

     แต่ครั้นพระศิวะเดินทางกลับจากการบำเพ็ญสมาธิ เมื่อมาถึงหน้าพระตำหนัก พระพิฆเนศซึ่งไม่รู้ว่าพระศิวะเป็นใคร จึงประกาศกร้าวไม่ให้พระศิวะล่วงล้ำเข้าไปในพระตำหนัก เพื่อมิให้เป็นการรบกวนพระแม่อุมาเทวีที่กำลังสรงน้ำอยู่ ส่วนพระศิวะซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพระพิฆเนศเป็นพระโอรสของพระนางอุมาเทวี จึงตวาดกลับให้เด็กหนุ่มจงหลีกไปเสีย แต่พระพิฆเนศก็ยังยืนยันที่จะไม่ให้พระศิวะเข้าไป เพราะตนต้องรักษาหน้าที่ของพระองค์ที่พระมารดามอบหมายให้ปกป้องตำหนักไม่ให้ผู้ใดเข้าไปรบกวนพระนาง

พระศิวะเมื่อถูกขัดใจ จึงทรงพิโรธ จึงเกิดการต่อสู้กันอย่างรุนแรง สั่นสะเทือนถึงสามโลก แม้เทพเทวดาองค์อื่นก็ไม่กล้าเข้ามาห้ามศึก แต่ในที่สุด พระพิฆเนศก็ได้พ่ายแพ้ต่อองค์ศิวะ และพระเศียรก็ถูกตรีศูลของพระศิวะตัดขาดหายไป

     เมื่อพระนางอุมาเทวีได้ยินเสียงการต่อสู้ที่รุนแรง จึงรีบเสด็จออกมาดู แต่ไม่ทันกาลเสียแล้ว พระนางแทบสิ้นสติเมื่อทอดพระเนตรเห็นร่างของพระโอรสนอนทอดกายอยู่บนพื้นอย่างไร้พระเศียร
 พระนางจึงตัดพ้อต่อว่าทำไมพระศิวะถึงโหดร้ายจนประหารพระโอรสองค์น้อยของพระองค์ได้ลงคอ ทั้งๆที่พระโอรสเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่มีความผิดอันใดเลย เพียงแต่ปฎิบัติตามคำบัญชาของพระมารดาให้เฝ้าประตูพระตำหนัก

     องค์พระศิวะจึงรู้สึกเสียพระทัยเมื่อรู้ภายหลังว่าเด็กหนุ่มเป็นพระโอรสของพระองค์เช่นกัน จึงรับปากพระเทวีว่าจะชุบชีวิตให้พระโอรส แต่เนื่องจากพระเศียรหายไป และใกล้จะถึงเวลาเช้าแล้ว การชุบชีวิตต้องกระทำก่อนแสงพระอาทิตย์ขึ้น พระศิวะจึงมีพระบัญชาให้เทพผู้ติดตามรีบเร่งเดินทางไปทางทิศเหนือ เมื่อเจอสิ่งมีชีวิตใดเป็นชีวิตแรก ก็ให้รีบตัดศรีษะมา

 ไม่นานนัก เทพผู้ติดตามก็ได้กลับมาพร้อมกับศรีษะของช้างน้อย พระศิวะจึงนำมาต่อกับร่างของพระโอรสแล้วชุบชีวิตให้ใหม่

     พระโอรสจึงฟื้นชีวิตมาอีกครั้ง พระโอรสจึงขอประทานอภัยพระบิดาในความไม่รู้ของตน และคอยถวายงานดูแลพระศิวะและพระแม่อุมาเทวีด้วยความกตัญญูเสมอมา จนเป็นที่รักยิ่งของทั้งสองพระองค์

คาถาบูชาพระพิฆเนศ ให้ทำมาค้าขายร่ำรวย ประสบความสำเร็จในสิ่งต่างๆ



บูชาแบบสั้นๆ เมื่อเดินผ่านตามเทวาลัย, วัดต่างๆที่พระพิฆเนศประดิษฐานอยู่
โอม ศรี คเณศายะ นะมะฮา
ขอความสำเร็จในด้านต่างๆ มีโชค และมีทรัพย์เงินทอง สมความปรารถนา



บทสวดของไทย สวดทุกวันเพื่อเป็นสิริมงคล
โอม พระพิฆเณศวร
สิทธิประสิทธิเม มหาลาโภ
ทุติยัมปิ พระพิฆเณศวร
สิทธิประสิทธิเม มหาลาโภ
ตะติยัมปิ พระพิฆเณศวร
สิทธิประสิทธิเม มหาลาโภ








คาถาพระพิฆเณศวร์ใช้สวดเพื่อขอพรหรือปัดเป่าเหตุร้าย
โองการพินธุ นาถังอุปปันนัง พรหมมะโน จะอินโธ
พิฆฆะเนศโต มหาเทโว อะหังวันทา มิสัพพะทา สิทธิกิจจัง
สิทธิกัมมัง สิทธิการิยัง ประสิทธิเม

คาถาบูชาพระพิฆเนศ ใครบูชาจะพ้นจากอุปสรรค ประสบความสำเร็จ
โอม ศรีคะเนศายะนะมะ
ชะยะคะเณศะ ชะยะคะเณศะ ชายะคะเณศะ
เทวา มาตา ชากี ปะระ วะตี ปิตามะหา เทวา ละฑุวัน
กา โกคะ ละเค สันตะ กะเร เสวา เอก ทันตะ
ทะยาวันดะ จาระ ภุชา ธารี มาเถ สินทูระ เสเห
มูเส กี อะสะวารี อันธะนะ โก อางขะ เทตะ
โก กายา พามณะนะ โก กุตรร เทตะ
โกทินะ นิระทะนะ มายาฯ

ขอบคุณข้อมูล : https://th.wikipedia.org, http://www.goosiam.com/horoscope/spell/html/0000426.html

วันพุธที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

วิธีบูชาพระพิฆเนศ บูชาอย่างไรให้ได้สมความปรารถนา


การบูชาพระพิฆเนศ หากไม่สะดวกที่จะจัดเตรียมอย่างยิ่งใหญ่ ก็สามารถเตรียมแต่พอประมาณ เพื่อการสวดบูชาได้ทุกๆวัน ซึ่งหลักๆ แล้วมีสิ่งที่ต้องเตรียม เพื่อการบูชาพระพิฆเนศ ดังต่อไปนี้

อุปกรณ์ที่ใช้ในการบูชาพระพิฆเนศ
1. รูปภาพ หรือ เทวรูปพระพิฆเนศที่เราบูชาอยู่
2. ธูป หรือ กำยาน (อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทั้งสองอย่าง) ถ้าใช้กำยานแท่ง ให้ใช้ 1 อัน ใช้ได้ทุกกลิ่น ถ้าใช้กำยานผง ให้ตักใส่โถตามความเหมาะสม ถ้าใช้ธูป จะใช้กี่ดอกก็ได้ ขอย้ำว่ากี่ดอกก็ได้ เพราะที่อินเดียจริงๆ แล้วไม่มีการกำหนดจำนวนธูปมาตั้งแต่โบราณ เนื่องจากเหตุผลที่จุดธูปก็คือ ต้องการถวายกลิ่นหอมแก่เทพ และให้ควันธูปเป็นสื่อนำคำอธิษฐานเราไปสู่เทพ เพราะฉะนั้นถ้าอยากประหยัดก็ใช้ 1 ดอกก็ดี มีคนไทยเท่านั้นที่ถือว่าธูป 1 ดอกคือการไหว้ศพ ชาวฮินดูเค้าหยิบออกมาจากซองได้มากี่ดอกก็จุดเลยไม่มีการนับหรือถ้าจะให้สบายใจ ไหว้แบบคนไทยหรือจีน ก็ใช้ 3 ดอก 5 ดอก 9 ดอก
3. กระถางธูป หรือ แท่นวางกำยาน ใส่ดิน หรือ ผงธูป ลงในกระถางธูปก่อนเพื่อให้สามารถปักธูปได้  สำหรับแท่นวางกำยานก็มีขายหลายแบบ ส่วนใหญ่ทำจากกระเบื้องเซรามิก ดินเผา ทองเหลือง ฯลฯ หรือจะซื้อถ้วยเล็กๆ ตื้นๆ แบบที่ใส่พริกน้ำปลา มาใช้แทนก็ได้
4. ประทีป (ดวงไฟ เทียน ตะเกียงน้ำมัน การบูร)ใช้เป็นไฟส่องสว่าง ควรมี 2 ดวงซ้าย-ขวา หรือเทียน 2 เล่ม ถ้าใช้เทียนก็ปักลงแท่นให้เรียบร้อย ถ้าใช้ตะเกียงน้ำมัน ตรวจสอบน้ำมันให้มีเพียงพอ

เครื่องสังเวยที่ใช้ในการบูชาพระพิฆเนศ
1. ดอกไม้ ถวายได้ทุกพันธุ์ ควรเป็นดอกไม้สด จะร้อยเป็นพวง เป็นช่อ หรือดอกเดียวก็ได้ ให้ล้างทำความสะอาดก่อนถวาย  ดอกไม้ที่ดีที่สุดคือ ดอกบัว เพราะในบทสวดของเทพทุกพระองค์ มีหลายๆ โศลก หลายๆ บท ที่กล่าวว่า “ขอน้อมบูชาเทพผู้มีพระบาทงดงามดั่งดอกบัว” คือ ยกย่องสรรเสริญว่าทวยเทพทั้งหลายนั้นมีเท้าที่สวยงามเปรียบเสมือนดอกบัวที่งดงาม  ส่วนดอกไม้อื่นๆ ได้หมด ไม่ว่าจะเป็นดาวเรือง มะลิ กุหลาบทุกสี ขอให้สด สะอาด มีกลิ่นหอมโชยก็ได้แล้ว
2. น้ำสะอาด อันนี้ต้องมี ขาดไม่ได้เด็ดขาด ห้ามใช้น้ำจากขวดที่เราเคยเปิดกินมาแล้ว แนะนำให้จัดขวดน้ำแยกไว้เพื่อรินถวายเทพโดยเฉพาะ โดยเทใส่แก้วเล็กๆ ซึ่งแก้วน้ำนี้ก็ต้องเป็นแก้วที่จะใช้ถวายเทพโดยเฉพาะเช่นเดียวกัน
3. นมสด (หากจัดหาไม่ได้ จะถวายน้ำเปล่าอย่างเดียวก็ได้) นมที่ใช้ถวาย ควรเป็นนมสด (จืด) ที่ไม่ใช่รสดัดแปลง เช่น รสช็อคโกแล็ต รสสตรอเบอรี่ หรือนมเปรี้ยวดัดแปลงต่างๆ ก็ไม่ควร แต่เราสามารถถวาย โยเกิร์ตได้ โดยให้เลือกรสธรรมชาติ เนื่องจากโยเกิร์ต คือวิธีการทำนมเปรี้ยวในแบบของโบราณนั่นเอง หากนมเป็นกล่อง สามารถเสียบหลอดไว้ได้ หรือถ้าจะให้ดีก็เทใส่แก้ว
4. ผลไม้ ผลไม้อะไรก็ใช้ถวายได้ ไม่ต้องแพงมาก ใช้ผลไม้ตามฤดูกาล สับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ก็ดี ผลไม้ที่แนะนำคือ กล้วย อ้อย สาลี่ ชมพู่ มะขวิด ผลหว้า และ มะพร้าวผ่าซีก ใส่ในถาดหรือจานสะอาด (ซื้อมาเป็นกิโลๆ แช่เย็นไว้แล้วแบ่งออกมาถวาย ก็เหมาะสมในเศรษฐกิจยุคนี้)
5. ขนมหวาน ห้ามใช้ขนมที่มีส่วนผสมของเนื้อสัตว์ (ประมาณว่าแซนวิชหมูหยองนี่ห้าม) ควรเป็นขนมที่ทำจากแป้ง มีความหวาน มัน เน้นน้ำตาลและกะทิ จัดใส่ถาดหรือจานสะอาด ปัจจุบันอนุโลมให้มีส่วนผสมของไข่ได้ มิฉะนั้นจะหาขนมมาถวายยากมากๆ

ข้อห้ามการบูชาพระพิฆเนศ
1. ห้ามถวายของคาว เช่น ข้าวผัดกระเพรา ก๋วยเตี๋ยว หัวหมู เป็ด ไก่ตอน ฯลฯ เพราะไม่เหมือนกับการเซ่นไหว้เจ้าแบบจีน
2. จาน ถาด แก้วน้ำ ให้จัดไว้สำหรับบูชาเทพเท่านั้น ใช้เสร็จแล้วล้างให้สะอาด เก็บแยกไว้ ห้ามใช้ปะปนกับของคน
3. เครื่องสังเวยอื่นๆ ที่สามารถถวายได้ ได้แก่ พืชพรรณ ธัญญาหารต่างๆ ข้าวสาร ข้าวกล้อง เกลือ น้ำตาล เมล็ดพริกไทย เมล็ดถั่ว งาขาว งาดำ ใบชา เมล็ดกาแฟสด มะเขือ มะขวิด ใบกระเพรา ใบโหระพา เครื่องเทศต่างๆ ผักสดทุกชนิด และผลไม้ทุกชนิด

ขั้นตอนการบูชาพระพิฆเนศ
เพื่อการสวดบูชาให้ได้ผลสูงสุด ควรเลือกเวลาที่เงียบสงัด เช่น เช้าตรู่ หรือ ก่อนนอน จะได้ไม่มีเสียงรบกวนจากผู้อื่น
1. นำของสังเวยทั้งหมด (น้ำ นม ผลไม้ ขนมหวาน) จัดวางไว้หน้าเทวรูป, รูปบูชา
2. ดอกไม้ ถ้าเป็นช่อหรือดอกเดียวให้วางไว้ข้างหน้า ถ้าร้อยเป็นพวง สามารถนำไปคล้องที่พระกรหรือศาสตราวุธของเทวรูปได้
3. จุดกำยาน ธูป ประทีป เทียน
4. การพนมมือ ให้พนมมือแบนราบติดกันไม่ใช่แบบดอกบัวตูม แล้วตั้งจิตให้สงบนิ่ง
5. เมื่อจิตสงบนิ่งแล้ว ให้ เริ่มสวดบูชา การสวดมนต์นั้น ท่านสามารถเลือกบทสวด บทอัญเชิญ หรือบทสรรเสริญ บทใดก็ได้มาหนึ่งบท หรือจะสวดหลายๆ บท ให้ต่อเนื่องกันก็ยิ่งดี ในเบื้องต้นสำหรับการบูชาพระพิฆเนศนั้น คาถาบูชาที่ส่วนใหญ่นิยมคือ โอม ศรี คะเนศา ยะนะมะฮา (Om Shri Ganesha Yanamaha) อ่านออกเสียงตามแบบอินเดียว่า โอม ชรี กาเนชา ยะนะมะฮะ แต่ถ้ามีเวลาในการสวดบูชา แนะนำให้ทำสมาธิด้วยการสวดมนต์ โดยท่องบทเดียวกันให้วนไปเรื่อยๆ จะเป็น 108 จบก็ดี หรือจะเปิดเพลงขณะบูชาด้วยก็ดี ควรศึกษาและจำบทสวดมนต์ให้ได้หลายๆ บท เพื่อประโยชน์ในการทำสมาธิขณะสวดมนต์ หรือการสักการะในโบสถ์ วัด เทวาลัยต่างๆ
6. ถวายไฟ หรือการทำ อารตี หากไม่สะดวกใช้ตะเกียงอารตี (ต้องใช้สำลีชุบน้ำมัน) สามารถถวายไฟแบบใช้เทียน หรือ การบูร ให้นำใส่ถาดแล้วจุดไฟ ยกขึ้นหมุนวนเป็นวงกลม (ตามเข็มนาฬิกา) 3 รอบ ต่อหน้าองค์เทวรูป หรือรูปภาพเทพที่เราบูชา แล้วใช้ฝ่ามืออังไฟ แล้วมาแต่ที่หน้าผาก เพื่อให้เกิดความสว่างแก่จิตและดวงปัญญา หรือแตะบริเวณอื่นๆ ที่เป็นโรคเจ็บป่วย
7. ขอพรตามประสงค์ จากนั้นให้กล่าวคำว่า “โอม ศานติ…ศานติ…ศานติ” เพื่อขอความสันติให้บังเกิด เป็นอันเสร็จสิ้น
8. ลาเครื่องสังเวย ถ้าจุดเทียน สามารถเป่าเทียนให้ดับได้เลย เพื่อป้องกันอัคคีภัย (ใช้เทียนเล่มเดิมนี้ จุดบูชาในวันต่อไปได้เรื่อยๆ จนเทียนหมด) ถ้าจุดธูปหรือกำยาน ต้องรอให้หมดดอก จึงจะลาเครื่องสังเวยได้
นำเครื่องสังเวยต่างๆ ยกขึ้นจรดหน้าผาก แล้วกล่าวว่า “…โอม…” เพื่อขออนุญาตลาเครื่องสังเวย ห้ามทิ้งอาหารไว้ให้เน่า
น้ำเปล่า – สามารถนำมาล้างหน้าหรือแต้มหน้าผากเพื่อเป็นสิริมงคล
นมสด – หากถวายเป็นกล่องหรือขวด ก็นำมาดื่มได้เลย หากถวายเป็นแก้วเล็กๆ ก็ให้เททิ้ง ปล่อยไว้ค้างคืนจะทำให้นมบูด (บางคนดื่มแล้วท้องเสีย)
ผลไม้และขนม – ยกออกมาใส่จาน เพื่อมาแบ่งกันทานในครอบครัว ถือเป็นอาหารทิพย์ (ไม่ควรทานทั้งๆที่อยู่ในจานหรือถาดสำหรับถวาย เพราะห้ามใช้ปนกับของท่าน)
9. ทำความสะอาด จาน แก้วน้ำ เชิงเทียน แท่นกำยาน ฯลฯ แล้วเก็บไว้ในที่เฉพาะ

ที่มา: https://dhamma.mthai.com/cult/629.html

วันอังคารที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

ความเป็นมาของพระพิฆเนศ ปางดั๊กดูเศรษฐ์


พระพิฆเนศ ปางดั๊กดูเศรษฐ์ ปางที่มั่งคั่งร่ำรวยที่สุดในโลก
       
           หากจะกล่าวถึงองค์พระพิฆเนศ แน่นอนว่าพระองค์ท่านเป็นเทพเจ้าแห่งความสำเร็จและทางเป็นเทพผู้ขจัดอุปสรรค์ทั้งปวงให้หมดไป แต่จะมีอีกหนึ่งปางซึ่งเป็นที่นิยมบูชาของมหาเศรษฐีทั้งหลายนั่นคือ พระพิฆเนศปาง ดั๊กดูเศรษฐ์ ซึ่งเป็นปางที่มีความมั่งครั่งและร่ำรวยที่สุดในโลกซึ่งปัจจุบันมีผู้มีจิตศรัทธาเดินทางไปกราบไหว้สักการะบูชาและประสบความสำเร็จการเป็นมหาเศรษฐีและร่ำรวยขึ้นมามากมาย บุคคลเหล่านั้นจึงได้นำทองคำ พร้อมอัญมณีของมีค่าต่าง ๆ ไปถวายพระองค์ยังเทวาลัย ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่ากว่าสามร้อยล้านและนับวันมูลและทรัพย์สิ้นต่าง ๆ ยิ่งมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยพลังแห่งศรัทธาของผู้มีจิตศรัทธาที่ประสบความสำเร็จในด้านการเงิน ซึ่งองค์พระพิฆเนศปางดั๊กดูเศรษฐ์จะประดับเครื่องทรงด้วยทองคำแท้ ๆ พร้อมอัญมณีที่มีค่ามหาศาล ได้นำมาหล่อหลอมและตกแต่งเป็นเครื่องทรง จึงเป็นที่มาของคำว่า เป็นพระพิฆเนศที่มั่งคั่งและร่ำรวยที่สุดในโลกนั่นเอง
       
          ดั๊กดูเศรษฐ์ ฮาลไว แท้จริงเป็นชื่อคนทำขนมคนหนึ่ง ซึ่งเกิดอยู่ใน รัฐกรณาฏกะ แล้วย้ายมาตั้งถิ่นฐานที่เมืองปูเน่  ประเทศอินเดีย และได้เปิดร้านขายขนมชื่อ ฮาลไว จนประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียง และครั้งหนึ่งครอบครังของนายดั๊กดูเศรษฐ์ได้สูญเสียบุตรชายอันเป็นที่รักยิ่งของครอบครัวด้วยโรคระบาทในครั้งนั้น ครอบครัวของนายดั๊กดูเศรศฐ์พ่อค้าขายขนมจึงตกอยู่ในความเศร้าโศกเป็นอันมาก และความอาลัยรักต่อบุตร จึงได้นำเรื่องนี้ไปปรึกษาพราหมณ์อาวุโส พราหมณ์อาวุโสได้แนะนำนายดั๊กดูเศรษฐ์ให้อุทิศเงินสร้างเทวาลัยพระพิฆเนศ เพื่อเป็นอนุสรณ์และอุทิศบุญให้แด่บุตรชายอันเป็นที่รักยิ่ง ด้วยแรงศรัทธาและความรักต่อบุตรชายผู้ล่วงลับ นายดั๊กดูเศรษฐ์ จึงอุทิศเงินสร้างเทวาลัยพระพิฆเนศ และได้ตั้งชื่อว่า "วัดดั๊กดูเศรษฐ์ ฮาลไว คณปติ" สร้างเสร็จในปี 1893 เป็นที่ประดิษฐานขององค์พระพิฆเนศหล่อจากทองคำ ขนาดความสูง 7.5 ฟุต  มีพระนามว่า “องค์พระพิฆเนศ ดั๊กดูเศรษฐ์” มี 4 กร
  • พระกรซ้ายหน้าถือถุงทอง  แสดงถึงพรที่ให้โชคลาภและความร่ำรวย
  • พระกรขวาหน้า  เป็นปางประทานพรและถือขนมโมทะกะ เป็นตัวแทนถึงความอุดมสมบูรณ์ และความร่มเย็นของครอบครัว
  • อีก 2 พระกรหลัง ถือตรีศูลและขวาน  ช่วยขจัดปัญหาและอุปสรรคต่างๆในชีวิต  รวมทั้งสิ่งอัปมงคลต่างๆ
          เมื่อนายดั๊กดูเศรษฐ์ ได้สร้างวัดถวายพระพิฆเนศ ด้วยอนิสงค์นั้นทำให้การค้าขายและชื่อเสียงของนายดั๊กดูเศรษฐ์ โด่งดังและกลายเป็นเศรษฐีในที่สุด และได้อุทิศทองคำพร้อมอัญมณีอันมีค่ามากมายต่อองค์พระพิฆเนศดั๊กดูเศรษฐ์ จนที่เป็นเรื่องลือทำให้มีพ่อค้าวานิช เศรษฐีทั่วโลกต่างมาบูชาและประสบความสำเร็จร่ำรวยทันใจ
         
          ต่อมาก็ได้รับความนิยมอย่างมากจากผู้ศรัทธาทั้งในและต่างประเทศ  และได้รับคำร่ำลือว่า "ผู้ที่ได้มาสักการะ  จะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน  มีโชคลาภ  และร่ำรวยกันอย่างน่าอัศจรรย์" แล้วจึงอุทิศทองคำอัญมณีของมีค่าต่าง ๆ ถวายให้แก่องค์พระพิฆเนศ ดั๊กดูเศรษฐ์ จึงเป็นที่ของของคำว่า "พระพิฆเนศ ที่ร่ำรวยที่สุดในโลก" นั่นเอง

           สำหรับเคลดลับบูชาในปางนี้ เมื่อท่านอธิฐานขอความสำเร็จความร่ำรวยต่อองค์พระพิฆเนศดั๊กดูเศรษฐ์ แล้วท่านประสบความสำเร็จดั่งปรารถนาแล้ว ขอให้ท่านไปทำบุญบริจาคทานให้เป็นสาธรณะกุศลสาธรณะประโยชน์แล้วอุทิศบุญนั้นแด่พระพิฆเนศดั๊กดูเศรษฐ์ ท่านก็จะยิ่งประสบความสำเร็จมากขึ้นด้วยพระพรแห่งองค์พระพิฆเนศ

โดย คณปติ ศักติศิวา (อาจารย์ปืน)
ประธานก่อตั้ง วัดพระศรีมหาอาทิปราศักติภควตีเทวี (วัดแขกมวกเหล็ก)